- ท่านเว่ยหล่าง(ฝากชมตอนท่าน
บอกลาและมรณะภาพท่าสมาธิ สะรีระยังคงอยู่เท่าทุกวันน ี้) - ในขณะที่สังฆปริณายกองค์ที่
๕ กำลังเผยแผ่ศาสนาอยู่... - มีเด็กหนุ่มกำพร้าคนหนึ่งชื
่อ "เว่ยหล่าง" มีอาชีพตัดฟืนขายเลี้ยงมารด าผู้ชรา - ที่ตำบลชุนเชา มณฑลกวางตุ้ง ภาคใต้ของจีน.. เว่ยหล่างได้ยินอุบาสกคนหนึ
่ง - สวดวัชรปรารมิตาสูตร หรือที่ภาษาจีนเรียกว่า "กิมปังปัวเยียปอล่อมิกเก็ง
" - พอได้ยินเท่านั้น ก็เกิดขนลุกชูชัน เกิดศรัทธาอยากจะศึกษาธรรมะ
เหลือเกิน - แต่ติดขัดที่ไม่มีใครดูแลมา
รดา จึงรออยู่พักหนึ่ง จนในที่สุดมีผู้ให้เงิน ๑๐ ตำลึง - เพื่อมอบให้มารดาใช้สอยขณะเ
ขาไม่อยู่ เว่ยหล่างจึงเดินทางไปเมือง วองมุย - ใช้เวลาเดินทางถึง ๑ เดือน พอไปถึงก็เข้าไปนมัสการพระส
ังฆปริณายก - ขอเรียนธรรมะด้วย
- "เธอมาจากไหน" ท่านอาจารย์ถาม
- "มาจากปักษ์ใต้ครับ"
- "คนทางใต้เป็นคนป่าคนดง จะหวังเป็นพุทธะได้อย่างไร"
- "คนอาจจะมาจากภาคเหนือภาคใต
้ แต่พุทธภาวะไม่มีเหนือ - ไม่มีใต้ มิใช่หรือครับ" เด็กหนุ่มย้อน
- ท่านสังฆปริณายกรู้ทันทีว่า
เด็กหนุ่มบ้านอกคนนี้ ได้รู้สัจธรรม - ระดับหนึ่งแล้ว แต่เพื่อมิให้เป็นภัยแก่เขา
จึงแสร้งดุให้เขาเงียบเสียง - แล้วให้ไปช่วยทำงานในครัว
- วันหนึ่งท่านอาจารย์เรียกปร
ะชุมศิษย์ทั้งหมด ให้แต่ละคนเขียนโศลก - บรรยายธรรมคนละบท เพื่อทดสอบภูมิธรรม ชินเชา (ชินชิ่ว) หัวหน้าศิษย์
- เป็นผู้ที่ใคร ๆ ยกย่องว่าเป็นผู้เข้าใจธรรม
ะอย่างลึกซึ้งกว่าคนอื่น และมีหวัง - จะได้รับมอบบาตรและจีวรจากท
่านอาจารย์แน่ ๆ ได้แต่โศลกบทหนึ่ง - เขียนไว้ที่ผนังว่า
- "กาย คือต้นโพธิ์
- ใจ คือกระจกเงาใส
- จงหมั่นเช็ดถูเป็นนิตย์
- อย่าปล่อยให้ฝุ่นละอองจับ"
- ท่านอาจารย์อ่านโศลกของชินเ
ชาแล้ว ชมเชยต่อหน้าศิษย์ทั้งหลาย - ว่าเป็นผู้เข้าใจธรรมอย่างล
ึกซึ่ง (แต่ตอนกลางคืนเรียกเธอเข้า ไปพบตามลำพัง - บอกว่าชินเชา "ยังไม่ถึง" ให้พยายามต่อไป)
- เว่ยหล่างได้ฟังโศลกของหัวห
น้าศิษย์แล้ว มีความรู้สึกเป็นส่วนตัวว่า - ผู้แต่โศลกยังเข้าใจไม่ลึกซ
ึ้ง จึงแต่โศลกแก้ เสร็จแล้ววานให้เพื่อนช่วยเ ขียนให้ - เพราะเว่ยหล่างอ่านหนังสือไ
ม่ออกเขียนไม่ได้ โศลกบทนั้นมีความว่า - "เดิมที ไม่มีต้นโพธิ์
- ไม่มีกระจกเงาใส
- เมื่อทุกอย่างว่างเปล่าตั้ง
แต่ต้น - ฝุ่นละอองจะลงจับอะไร"
- ท่านอาจารย์รู้ทันทีว่า ผู้เขียนโศลกเป็นผู้เข้าถึง
สัจธรรมสูงสุดแล้ว - จึงถามใครเป็นคนแต่ง พอทราบว่าเว่ยหล่างเด็กบ้าน
นอกแต่ง จึงสั่งให้ลบทิ้ง - พร้อมดุด่าต่อหน้าศิษย์อื่น
ๆ ว่า หนังสือยังอ่านไม่ออกสะเออะ จะมาเขียนโศลก - แต่พอคล้อยหลังศิษย์อื่น ท่านอาจารย์เรียกเว่ยหล่างเ
ข้าพบมอบ - บาตรและจีวรให้ (มอบตำแหน่ง) แล้วสั่งให้รีบหนีไปกลางดึก
ศิษย์ในสำนัก - รู้ข่าว พากันออกตามล่าเอาบาตรและจี
วรคืน เดชะบุญหนีรอดไปได้ - เว่ยหล่างหลบซ่อนอยู่ในป่าเ
ป็นเวลา ๑๕ ปี ได้อุปสมบทเป็นภิกษุ - เมื่ออายุ ๓๕ ปี แล้วออกเผยแผ่ศาสนาจนกระทั่
งอายุ ๗๖ ปี ก็มรณภาพ - ท่านเว่ยหล่างไม่รู้หนังสือ
แต่สามารถเข้าถึงธรรมะได้เร ็วกว่า - คนที่เรียนแตกฉาน จากประสบการณ์นี้เอง ท่านจึงเชื่อมั่นว่า การศึกษา
- ธรรมะกับการบรรลุธรรมเป็นคน
ละเรื่องกัน นักศึกษาที่ "พลิกตำรา" - ทีละหน้าๆ ไม่นานอาจถูกตำรามัน "พลิก" เอาได้
- เทคนิกการสอนเซ็นของท่านเว่
ยหล่างจึงไม่เน้นตำรา ไม่ติดตำรา - แม้ระบบการถ่ายทอดเซ็นโดยกา
รมอบบาตรและจีวร ที่สืบทอดกันมาแต่ - โบราณกาล พอถึงยุคท่านเว่ยหล่าง ท่านยกเลิกหมด ท่านเห็นว่าการมอบ
- วัตถุให้แก่กัน ทำให้คนเบาปัญญา ไม่บรรลุธรรม คิดโลภอยากได้แล้วแย่งกัน
- ดังที่ท่านเคยประสบมาด้วยตั
วเอง การถ่ายทอดควรใช้วิธี "จากจิตสู่จิต" - มากกว่า ใครได้บรรลุธรรม ก็นับว่าเป็นสังฆปริณายกสืบ
ต่อศาสนาทุกคน - มีภาพที่รู้จักดีในหมู่ชาวพ
ุทธเซ็นภาพหนึ่ง เป็นภาพท่านเว่ยหล่าง - ฉีกคัมภีร์ทิ้งกระจุยกระจาย
แเสดงว่าการจะเข้าถึงสัจธรร ม ต้องทำลาย - ความยึดติดคัมภีร์เสียก่อน นับเป็นภาพที่ท้าทายเอาการท
ีเดียว - ศิษย์ของท่านคนหนึ่งชื่อ ลินซิ (รินไซ) ไปไกลยิ่งกว่านั้น
- คำพูดของท่าน ถ้าชาวพุทธไทยผู้เคร่งครัดไ
ด้ฟัง อาจสะดุ้งแปดกลับ - หาว่าคนพูดเช่นนนั้นไม่บ้าก
็เมา - ท่านพูดว่าไงนะหรือครับ
- "ถ้าคุณพบพระพุทธเจ้ากลางทา
ง จงฆ่าเสีย"
จาก พุทธศาสนาทัศนะและวิจารณ์
ของ ร.ศ.เสฐียรพงษ์ วรรณปก
หากชอบโปรดกดติดตามเพจนี้เพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น